ยังคงต้องเฝ้าจับตาดู สำหรับสถานการณ์ โควิด19 ในประเทศไทย โดยในตอนนี้ได้มีโควิดสายพันธุ์ ชื่อ XBB.1.16 หรือ อาร์คตูรุส (Arcturus) ซึ่งเป็นโควิด ที่องค์การอนามัยโลกคาดการณ์ว่าจะมีการระบาดเพิ่มขึ้นไปทั่วโลก

โควิดสายพันธุ์ XBB.1.16 หรือ เรียกง่าย ๆ ว่าเป็นสายพันธุ์อินเดีย หากถามว่าสายพันธุ์นี้น่ากลัวมากแค่ไหน ก็คงตอบได้ว่าประมาณหนึ่ง เพราะเชื้อโควิดสายพันธุ์ XBB.1.16 สามารถแพร่กระจายได้รวดเร็ว แต่ยังไม่มีรายงานระบุว่า รุนแรงกว่าสายพันธุ์เดิม
การแพร่ระบาดของโควิดสายพันธุ์ XBB.1.16 คนที่ต้องเฝ้าระวังมากสุดเห็นจะเป็นในกลุ่มคน 608 ได้แก่ กลุ่มคนที่มี อายุเกิน 60 ปีขึ้นไป หรือมีโรคร่วมที่ต้องระวัง เช่น ความดัน โรคเบาหวาน โรคหัวใจ โรคปอด โรคทางระบบประสาท ซึ่งเป็นกลุ่มคนที่ต้องทานยาอยู่เป็นประจำ
อาการทั่วไป
อาการของผู้ติดเชื้อ โควิดสายพันธุ์ XBB.1.16 จะมีอาการไม่ต่างเดิมมากนัก ซึ่งจะมีอาการพื้นฐาน ดังนี้
- มีอาการไอ
- เป็นไข้ตัวร้อน อาจจะมีไข้ขึ้นสูงถึง 38-39 องศาเซลเซียส
- เจ็บคอ และ/หรือมีอาการระคายคอ
- อาจมีอาการเยื่อบุตาอักเสบ อาการทางตาของสายพันธุ์ 1.16 จะมีมากกว่าอันอื่นอย่างเห็นได้ชัด ในเด็กเล็กจะดูเหมือนตาแดง ผู้ใหญ่อาจจะมีตาแดงบ้าง มีขี้ตาออกเป็นจำนวนมาก หรือลืมตาไม่ขึ้น อาจจะมีอาการเคืองตา แสบตาบ้าง

วิธีป้องกัน
พ.สมศักดิ์ อรรฆศิลป์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท โรงพยาบาลวิมุต โฮลดิ้ง กล่าวถึง วิธีการป้องกันไว้ว่า ควรป้องกันตัวเองเช่นเดียวกับการป้องกันในระยะที่ผ่านมา โดยการใส่หน้ากากอนามัย เว้นระยะห่างระหว่างกัน (Social Distance) ล้างมือให้บ่อย ไม่เข้าไปในที่ชุมชนหรือที่แออัด สำหรับใครที่ไม่ได้ฉีดวัคซีน หรือหากเคยฉีดมานานเกินหนึ่งปี ควรฉีดซ้ำเพื่อกระตุ้นภูมิ ซึ่งหากจัดอยู่ในกลุ่ม 608 ควรต้องฉีดทุก 6 เดือนในระยะนี้ เนื่องจาก กลุ่ม 608 ถ้าเกิดติด โอกาสเกิดความรุนแรงจะมีมากกว่าคนปกติหลายเท่าตัว
การตรวจ ATK ยังสามารถตรวจได้อยู่ตามปกติ ถึงแม้ว่าเชื้อจะกลายพันธุ์ ก็ยังตรวจ ATK ได้ผลอยู่ ในกลุ่ม 608 ที่ฉีดวัคซีนแล้ว แต่ไม่แน่ใจว่าภูมิไม่ขึ้นหรือไม่ แนะนำให้ฉีด Long Acting Antibody (LAAB) เพื่อป้องกันซึ่งจะดีกว่าเพื่อการฉีดรักษาอย่างแน่นอน
