อย่างที่เราเคยได้ยินคำสอนของพระพุทธเจ้ามาว่า “มนุษย์เรานั้นเกิดมาเพียงเพื่อใช้กรรม” ระหว่างการเดินทางตั้งแต่เด็กจนถึงวันสุดท้ายของชีวิต เราต้องเจอกับปัญหาน้อยใหญ่มากมาย ไม่เว้นในแต่ละวัน ยิ่งเติบโตยิ่งมีความทุกข์เข้ามาในจิตใจ ไม่ว่าจะจากสิ่งเร้าต่างๆที่ต้องพบเจออย่างเลี่ยงไม่ได้ อันเป็นที่มาของอารมณ์รัก โลภ โกรธ หลง ในหลายๆครั้งเราต้องอยู่กับความทุกข์เหล่านี้ จนบางคนไม่สามารถประคับประคองจิตใจให้กลับมาผ่องใสได้ แต่ที่เป็นเช่นนี้ลองนึกย้อนกลับไปดูที่ตัวของเราแล้วหรือยัง ว่าสามารถปล่อยวางได้มากน้อยแค่ไหน เราเอาใจยึดติดกับสิ่งเหล่านั้นมากเกินไปอยู่หรือเปล่า
ไม่ว่าจะตามหลักจิตวิทยา หรือตามหลักคำสอน การที่ใจเราไปยึดติดกับความรู้สึกเหล่านี้มากเกินไป นับเป็นเหตุแห่งความทุกข์ทั้งปวง ฉะนั้นเราลองมาคิดใหม่อีกครั้ง ลองปล่อยให้คำพูดที่คอยทำร้ายจิตใจ หรือเหตุการณ์แย่ๆที่ผ่านเข้ามาในชีวิต มองให้เป็นเพียงเรื่องราวหนึ่งที่เราต้องพบเจออย่างเลี่ยงไม่ได้ เราไม่ได้เกิดมาเพื่อให้ทุกสิ่งทุกอย่างเป็นไปตามต้องการทั้งหมด ถ้าปัญหาที่พบเจอไม่ใช่เรื่องที่จะส่งผลเสียต่อชีวิตเราในภายหลังได้ ทางที่ดีที่สุดสำหรับหนทางการหลุดพ้น คือมองข้ามสิ่งต่างๆนั่นไป กลับมาอยู่กับตัวเอง กลับมาพอใจกับสิ่งที่เรามี กลับมาใช้ชีวิตให้มีความสุขตามเนื้อแท้ของเรา ความสุขไม่ได้อยู่ที่สิ่งของ ลาภยศ ชื่อเสียง แต่ความสุขที่แท้จริงอยู่ที่ตัวเรา อยู่ที่ใจของเราคิดอย่างไร ข้อคิดเช่นนี้ล้วนแล้วได้หลักธรรมของพระพุทธเจ้า ผู้ที่ชี้ทางแห่งการพ้นทุกข์ให้สรรพสิ่งบนโลกใบนี้
นอกจากเหตุการณ์ต่างๆที่เราต้องพบเจอจะสร้างความทุกข์ใจให้เราได้ ยังมีความทุกข์ที่จิตใจเราสร้างขึ้นมาเอง อีกเหตุผลที่ทำให้หลายคนใช้ชีวิตได้มีความสุขน้อยลง ยิ่งถ้าในยุคแห่งการแก่งแย่งชิงดี ยุคที่ข้าวยากหมากแพง ยุคแห่งโซเชียลที่เราหันไปทางไหนก็มีแค่ผู้คนที่ใช้ชีวิตอย่างมีความสุขกับเงินทองที่พวกเขาหามาได้ แต่ถามกลับว่าคนเหล่านี้คือกลุ่มคนที่มีความสุขที่สุดหรือไม่ คำตอบนี้คงจะอยู่ในใจผู้ที่เข้าถึงในพระธรรมอยู่แล้ว ในบางเวลาต้องยอมรับเลยว่า “กิเลส” ก็ได้คืบคลานเข้ามากลืนกินจิตใจ ให้เกิดความอิจฉา ริษยา รู้สึกด้อยค่าในตัวเอง ด้วยเหตุผลเพียงเท่านี้คนเราก็ขาดความสุขในชีวิตประจำวันได้ง่ายๆไม่ต้องถึงมือผู้ที่ประสงค์ร้ายต่อเราด้วยซ้ำ
มาถึงตรงนี้ หลายท่านอาจเข้าใจสัจจธรรมแห่งโลกมากขึ้นว่าความทุกข์ใจจิตใจของเราล้วนเกิดขึ้นจากจิตปรุงแต่ง ลองสูดหายใจเข้าลึกๆ ฟังธรรมะคอยเตือนสติ วันนี้จะขอยกตัวอย่างจากคนใกล้ตัวที่เคยมีความทุกข์จนไม่สามารถกลับใช้ชีวิตอย่างมีความสุขได้ หลังได้ฟังธรรมมะ ได้อยู่กับตัวเอง กับจิตใจที่ปลอดโปร่ง พระธรรมก็จะเข้าถึงจิตใจง่าย และจะช่วยให้ผู้ฟังธรรมเข้าใจถึงความสุขที่แท้จริง ปราศจากความทุกข์ทั้งปวง สุดท้ายขอฝากไว้ให้ทุกคนคิดดี ทำดี เพียงเท่านี้ชีวิตของท่านก็จะมีความสุขโดยที่ไม่ต้องเอาความสุขไปยึดติดกับคำพูด การกระทำ และวัตถุ
การให้ธรรมะเป็นทานถือเป็นทานอันได้บุญสูงสุด อย่าลืมกดถูกใจ กดติดตาม และแชร์บทความนี้ เพื่อให้ธรรมะเป็นทาน ขอให้พบเจอแต่ความสุขตลอดกาล สาธุ
