ในสังคมที่มีแต่ผู้คนที่จ้องจะเอาเปรียบ และทำร้ายเราอยู่ตลอดเวลา ในบางครั้งเราป้องกันทั้งกายและใจจากมารผจญเหล่านี้ แต่ก็ไม่วายที่จะพบเจอกับความทุกข์ แต่ก็อย่าพึ่งกังวลไปถ้าหากทุกท่านรู้สึกทุกข์ใจ ไม่สบายใจ เพียงกดเข้ามาฟังธรรมสักวันละหนึ่งครั้งในช่วงเช้าจะช่วยให้จิตใจสงบ เตรียมสติสู้กับปัญหาชีวิต หรือจะเป็นก่อนนอนก็จะช่วยให้หลับสบาย คลายทุกข์ก่อนพักผ่อนร่างกาย และวันนี้อยากจะช่วยให้ทุกคนมีความสุขยิ่งขึ้น ด้วย “อภัยทาน” หนทางแห่งการดับทุกข์ที่สามารถนำไปปรับใช้ในชีวิตประจำวันได้ง่ายๆ

การให้ “ทาน” ก็เป็นอีกบุญใหญ่ที่ทุกคนควรทำอยู่สม่ำเสมอ นอกจากจะได้บุญจากการให้ทานแล้ว ยังได้ความสบายใจจากการปล่อยวาง หลังให้ทานจิตใจเราจะผ่องใส ปลอดโปร่ง ปราศจากความทุกข์ทั้งปวง ความรู้สึกคับแค้นใจ โกรธเคือง สิ่งเหล่านี้จะค่อยๆเลือนรางไปตามพระธรรมที่คอยชะล้างความคิดเหล่านี้ สุดท้ายสิ่งที่เราจะได้รับจากการให้ทานก็คือ “ความสุข” แต่การให้ทานก็ใช่ว่าจะมีเพียง “ทรัพย์ภายนอก” การให้ทานประเภทนี้ก็คือเป็นอีกหนทางสั่งสมบุญบารมี เพื่อที่จะนำไปใช้ในโลกหลังความตาย ส่งเสริมให้ดวงวิญญาณของเราได้เดินทางไปสู่ภพภูมิที่ดี และที่อิ่มเอมใจที่สุดคงจะเป็นการเห็นเพื่อนมนุษย์มีความสุขหลังได้รับทานจากเราไป
การให้”อภัยทาน” เพียงครั้งเดียว ได้รับผลบุญมากกว่า “ธรรมทาน” นับ 100 ครั้งเสียอีก ถึงแม้จะเป็นการให้เพียงครั้งเดียว แต่การให้อภัยทานนับว่ายิ่งใหญ่จนประเมินเป็นเงินทองไม่ได้ การใช้ชนิดนี้คือการปล่อยวาง ไม่ผูกมัด ไม่อาฆาตพยาบาต หรืออย่างพุทธสุภาษิตที่พบเจออยู่บ่อยๆ “อะ-เว-เร-นะ, จะ, สำ-มัน-ติ” เวรย่อมระงับด้วยการไม่จองเวร หลักคำสอนที่ไม่ว่าจะผ่านยุคผ่านสมัยมานานนับพันปี คำนี้ก็ยังเป็นอีกพุทธสุภาษิตที่คอยเตือนศาสตร์นิกชนหลายท่าน ให้ใช้ชีวิตอย่างมีสติ ระมัดระวัง และค้นพบความสุขได้ด้วยตัวเอง

แต่วันนี้เราจะมาพูดถึงการให้ทานอีกรูปแบบ คือ การให้ที่เกิดจาก “ทรัพย์ภายใน” แต่การให้อภัยทาน ถือเป็นการให้ที่ยิ่งใหญ่กว่าสิ่งอื่นใด การให้ที่ยากที่สุดเลยก็ว่าได้ อย่างที่กล่าวไปการให้ทานเป็นของนอกกาย เพียงมีจิตใจเกื้อกูล มีจิตใจโอบอ้อมอารีกับเพื่อนร่วมโลกก็สามารถทำได้ง่ายๆ ส่วนการให้อภัยทาน หรือเรียกภาษาบ้านๆว่า “ยกโทษ” นับเป็นการให้ที่ยากที่สุดเลยก็ว่าได้ ยากอย่างไรลองย้อนกลับไปถามตัวของเราว่าตลอดช่วงชีวิตที่เกิดมาจนถึง ณ ปัจจุบันนี้ยังมีอะไรที่เรายังไม่ให้อภัยทานอยู่หรือไม่ แล้วถ้ายังมีอยู่จิตใจของท่านมีความสุขแล้วหรือยัง เก็บคำตอบนั้นใจใน แล้วสูดลมหายใจเข้าลึกๆ ตั้งจิตสมาธิให้สงบ แล้วลองนึกถึงเพียงความทุกข์ที่ติดค้างอยู่ในใจของ ความทุกข์ที่เกิดจากการที่เราเอาจิตไปผูกมัดกับสิ่งเหล่านั้น ลองปล่อยวาง และให้ทานแก่ผู้ที่อาจกระทำโดยไม่รู้ตัวก็ดี ไม่รู้ตัวก็ดี เพียงเท่านี้ความทุกข์ที่อยู่ในใจตลอดมาก็จะหายเป็นปลิดทิ้ง และกลับมามีความสุขกับชีวิตได้อย่างเต็มที่อีกครั้ง
การให้ธรรมะเป็นทานถือเป็นทานอันได้บุญสูงสุด ช่วยกดติดตาม และแชร์บทความนี้ เพื่อให้ธรรมะเป็นทาน ขอให้พบเจอแต่ความสุขตลอดกาล สาธุ
